วิธีสอนโดยใช้กรณีตัวอย่าง (Case)
“....การสอนโดยใช้กรณีตัวอย่างนี้ มิได้มุ่งที่คำตอบใดคำตอบหนึ่ง ...แต่ต้องการให้ผู้เรียนเห็นคำตอบและเหตุผลที่หลากหลาย
อันจะช่วยให้การตัดสินใจมีความรอบคอบขึ้น...”
10.1 ความหมาย
วิธีสอนโดยใช้กรณีตัวอย่าง คือ
กระบวนการที่ผู้สอนใช้ในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด โดยให้ผู้เรียนศึกษาเรื่องที่สมมติขึ้นจากความเป็นจริง
และตอบประเด็นคำถามเกี่ยวกับเรื่องนั้น แล้วนำคำตอบและเหตุผลที่มาของคำตอบนั้นมาใช้เป็นข้อมูลในการอภิปราย
เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์
10.2 วัตถุประสงค์
วิธีสอนโดยใช้กรณีตัวอย่าง
เป็นวิธีการที่มุ่งช่วยให้ผู้เรียนฝึกฝนการเผชิญและแก้ปัญหาโดยไม่ต้องรอให้เกิดปัญหาจริง
เป็นวิธีการที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์
และเรียนรู้ความคิดของผู้เรียน ช่วยให้ผู้เรียนมีมุมมองที่กว้างขึ้น
10.3 องค์ประกอบสำคัญ (ที่ขาดไม่ได้) ของวิธีสอน
10.3.1 มีกรณีเรื่องที่คล้ายกับเหตุการณ์จริง
10.3.1 มีประเด็นคำถามให้คิดพิจารณาหาคำตอบ
10.3.3 มีคำตอบที่หลากหลาย
คำตอบไม่มีถูกผิดอย่างชัดเจนหรือแน่นอน
10.3.4 มีการอภิปรายเกี่ยวกับสภาพการณ์ ปัญหา
มุมมอง และวิธีแก้ปัญหาของผู้เรียน
และสรุปการเรียนรู้ที่ได้รับ
10.4 ขั้นตอนสำคัญ (ที่ขาดไม่ได้) ของการสอน
10.4.1 ผู้สอน / ผู้เรียนนำเสนอกรณีตัวอย่าง
10.4.2 ผู้เรียนศึกษากรณีตัวอย่าง
10.4.3 ผู้เรียนอภิปรายประเด็นคำถามเพื่อหาคำตอบ
10.4.4 ผู้สอนและผู้เรียนอภิปรายคำตอบ
10.4.5
ผู้สอนและผู้เรียนอภิปรายเกี่ยวกับปัญหาวิธีแก้ปัญหาของผู้เรียน
และสรุปการเรียนรู้ที่ได้รับ
10.5
เทคนิคและข้อเสนอแนะต่าง ๆ
ในการใช้วิธีสอนโดยใช้กรณีตัวอย่างให้มีประสิทธิภาพ
10.5.1 การเตรียมการ
ก่อนการสอน
ผู้สอนจำเป็นต้องเตรียมกรณีตัวอย่างให้พร้อม กรณีตัวอย่างที่เหมาะสมจะต้องมีสาระ
ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์มีลักษณะใกล้เคียงกับความเป็นจริง กรณีที่นำมาใช้ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องที่มีสถานการณ์ปัญหาขัดแย้ง
ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความคิดของผู้เรียน หากไม่มีสถานการณ์ที่เป็นปัญหาขัดแย้ง
ผู้สอนอาจใช้วิธีการตั้งประเด็นคำถามที่ท้าทายให้ผู้เรียนคิดก็ได้
ผู้สอนอาจนำเรื่องจริงมาเขียนเป็นกรณีตัวอย่าง หรืออาจใช้เรื่องจากหนังสือพิมพ์
ข่าว และเหตุการณ์ รวมทั้งจากสื่อต่าง ๆ เช่นภาพยนตร์ โทรทัศน์ วีดิทัศน์ เป็นต้น
เมื่อได้กรณีที่ต้องการแล้ว ผู้สอนจะต้องเตรียมประเด็นคำถามสำหรับการอภิปรายเพื่อนำไปสู่การเรียนรู้ที่ต้องการ
10.5.2
การนำเสนอกรณีตัวอย่าง
ผู้สอนอาจเป็นผู้นำเสนอกรณีตัวอย่าง
หรืออาจใช้เรื่องจริงจากผู้เรียนเป็นกรณีตัวอย่างก็ได้ (แต่ครูต้องมีความชำนาญในการวิเคราะห์กรณีตัวอย่างนั้น
และตั้งประเด็นคำถามได้เร็ว) วิธีการนำเสนอทำได้หลายวิธี เช่น
การพิมพ์เป็นข้อมูลมาให้ผู้เรียนอ่าน การเล่ากรณีตัวอย่างให้ฟัง
หรือนำเสนอโดยใช้สื่อ เช่น สไลด์ วีดิทัศน์ ภาพยนตร์
หรืออาจให้ผู้เรียนแสดงเป็นละครหรือบทบาทสมมติก็ได้
10.5.3 การศึกษากรณีตัวอย่างและการอภิปราย
ผู้สอนควรแบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่มย่อยและให้เวลาอย่างเพียงพอในการศึกษากรณีตัวอย่างและคิดหาคำตอบ
ไม่ควรให้ผู้เรียนตอบประเด็นคำถามทันที
ผู้เรียนแต่ละคนควรมีคำตอบของตนเตรียมไว้ก่อน แล้วจึงร่วมกันอภิปรายเป็นกลุ่ม
และนำเสนอผลการอภิปรายระหว่างกลุ่ม เป็นการแลกเปลี่ยนกัน
ผู้สอนพึงตระหนักว่าการสอนโดยใช้กรณีตัวอย่างนี้ มิได้มุ่งที่คำตอบใดคำตอบหนึ่ง
คำถามสำหรับการอภิปรายนี้ ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิดอย่างชัดเจรอย่างแน่นอน
แต่ต้องการให้ผู้เรียนเห็นคำตอบและเหตุผลที่หลากหลาย
ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนมีความคิดที่กว้างขึ้น มองปัญหาในแง่มุมที่หลากหลายขึ้น
อันจะช่วยให้การตัดสินใจมีความรอบคอบขึ้น ด้วยเหตุนี้การอภิปรายจึงควรมุ่งความสนใจไปที่เหตุผลหรือที่มาของความคิดที่ผู้เรียนใช้ในการแก้ปัญหาเป็นสำคัญ
10.6 ข้อดีและข้อจำกัด
10.6.1 ข้อดี
1)
เป็นวิธีสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์
การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดแก้ปัญหา
ช่วยให้ผู้เรียนมีมุมมองที่กว้างขึ้น
2)เป็นวิธีสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เผชิญปัญหาที่เกิดขึ้นในสถานการณ์จริงและได้ฝึกแก้
ปัญหาโดยไม่ต้องเสี่ยงกับผลที่จะเกิดขึ้นช่วยให้เกิดความพร้อมแก้ปัญหาเมื่อเผชิญปัญหาในสถานการณ์จริง
3)เป็นวิธีสอนทีช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนสูง
ส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน และส่งเสริมการเรียนรู้จากกันและกัน
4)เป็นวิธีสอนที่ให้ผลดีมากสำหรับผุ้เรียนที่มีความรู้และประสบการณ์หลากหลายสาขา
10.6.2
ข้อจำกัด
1)หากกลุ่มผู้เรียนมีความรูและประสบการณ์ไม่แตกต่างกัน
การเรียนรู้อาจไม่กว้างเท่าที่ควร เพราะผู้เรียนมักมีมุมมองคล้ายกัน
2)แม้ปัญหาและสถานการณ์จะใกล้เคียงกับความเป็นจริง
แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ๆ กับผู้เรียน ความคิดในการแก้ปัญหาจึงมักเป็นไปตามเหตุผลที่ถูกที่ควรซึ่งอาจไม่ตรงกับการปฏิบัติจริงได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น